วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คำสอนในวันแต่งงาน

วันนี้ฉันได้ไปร่วมงานแต่งงานของพี่ที่นั่งเล่นเชลโล่ข้างๆฉันในวงออเคสตร้า ลูกสาวของฉันไปช่วยเดินขบวนเจ้าสาว พิธีแต่งงานนี้จัดแบบคริสเตียน ในพิธีมีการสอนเรื่องการอยู่กันกันด้วยความยินดี ฉันจะประทับใจเนื้อความที่สอนตอนหนึ่งที่บอกว่า เราต้องรู้จักภาษารักของคู่ของเรา และรู้จักตอบสนองได้ตรงตามภาษานั้นด้วย
นั้นจะเป็นวิธีการเพิ่มพูนความรัก ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรัก ภาษารักนั้นมี 5 ภาษาด้วยกัน มีการทำบางสิ่งบางอย่างให้ ,การให้ของขวัญ,การใช้เวลาที่มีคุณค่า,การสัมผัส,การพูดถ้อยคำที่ชูจิตใจ เราต้องค้นหาว่าคู้่ของเราเขามีภาษารักแบบไหน แล้วตอบสนองให้ตรงกับภาษารัก เพื่อการแสดงความรักของเราจะไม่สูญเปล่า เขาสามารถสัมผัสได้ว่าเรารักเขา บางครั้งฝ่ายหนึ่งพยายามแสดงความรักมากมาย แต่อีกฝ่ายไม่เคยสัมผัสได้เลยว่าถูกรัก ฝ่ายที่แสดงความรักก็ท้อใจ บ่นว่าอีกฝ่ายเย็นชา ในขณะเดียวอีกฝ่ายก็เหงาเปล่าเปลี่ยวหัวใจเพราะไม่รู้้สึกถูกคู่ของตนรัก
นอกจากเราจะรู้ว่าภาษารักมีด้วยกัน 5 ภาษาแล้ว เรายังต้องรู้ว่าคู่ชีวิตของเราเขามีพูด(ให้)ภาษารักแบบใดใน5แบบ และเขาฟัง(รับ)ภาษารักแบบใดใน5แบบ
เช่น สามีพูด(ให้)ภาษารักแบบการสัมผัส ในขณะที่ภรรยาฟัง(รับ)ภาษารักแบบการทำบางสิ่งบางอย่างให้
เมื่อสามีแสดงออกความรักด้วยการหอมแก้มภรรยา ภรรยาจึงไม่รู้สึกว่าสามีรักตน
แต่เมื่อสามีช่วยล้างจาน ภรรยาถึงจะรู้สึกว่าสามีรัก
การจะรู้ได้ว่าคนคนหนึ่งพูดภาษารักเป็นแบบใดก็ดูได้จากการแสดงออกความรักของเขาต่อคนอื่น เช่นบางคนเมื่อเขายื่นมือเข้าไปช่วยทำสิ่งเล็กๆน้อยๆให้คนอื้นแล้วรู้สึกรักคนอื่นมากขึ้น นี่ก็แปลว่าเขาพูดภาษารักแบบการทำบางสิ่งบางอย่างให้ เดียวกันการจะรู้ว่าเราฟัง(รับ)ภาษารักแบบใดก็สังเกตจากการที่เรารู้สึกว่าถูกรักเมื่อมีคนมาแสดงความรักในแบบที่ตรงกับภาษารัก(ฟัง)ของเรา หากเรามีภาษารักแบบการพูดที่ให้กำลังใจ เมื่อมีคนมาพูดดีๆหรือพูดให้กำลังใจเราจะรู้สึกว่ามีคนมารักเรา
ฉันคิดว่าการรู้ภาษารักของคู่ชีวิตของเราจะช่วยเติมรักให้คู่ชีวิต ทำให้คู่ของเรานั้นยิ่งอยู่ด้วยกัน ก็ยิ่งรักกันมากขึ้น