วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

มาทำเอวคอดกิ่วกัน

ฉันเป็นคนตรงไปตรงมา เอวก็ตรงๆ (ไม่มีเอวเจ้าค่ะ) แม่ไม่ให้มาก็ไม่เป็นไร ซ่อมได้ๆ ฉันได้เรียนเคล็ดลับทำเอวคอดมาจากหัวหน้าเทรนเนอร์ที่ฟิตเนสชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาว่าต้อง "หมุน" เอววันละ 600 ครั้งหรื่อมากกว่านั้นก็ยิ่งดี ท่าหมุนเอว มี 3ท่าด้วยกัน ท่าแรกนั่งลงบนเก้าอี้ วางไม้ยาวประมาณ 1.5เมตร (อาจจะเป็นท่อพีวีซีที่แข็งแรงรับน้ำหนักแขนได้ )บนบ่าทั้งสองข้าง มือจับปลายทั้งสอง แล้วหมุนรอบตัวเรา หากมาจากเพดานลงมาจะเป็นว่าศรีษะของเราอยู่นิ่ง แต่ส่วนที่หมุนคือ แขนที่จับไม้ยาว หมุน 200 ครั้ง
ท่าที่สอง ท่าเตรียมเหมือนท่าแรก แต่เปลี่ยนการเคลื่อนไหว ท่านี้ให้โยกตัวซ้ายขวา 200 ครั้ง
ท่าที่สาม ท่าเตรียมเหมือนเดิม โน้มตัวไปข้างหน้าจนหน้าอกอยู่ระดับเดียวกับเข่า ทำ 200 ครั้ง
ทำอย่างนี้ทุกวัน จะเริ่มเห็นเอวค่อยๆคอดลง เพียงอาทิตย์แรกก็จะเริ่มเห็นผลแล้ว ทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วจะได้เป็นเจ้าของเอวคอดกิ่วกันนะค่ะ
อย่าลืม สัดส่วนที่ชวนมองในสายตาของผู้้ชายคือ สัดส่วนเอว :สะโพก คือ 60 :100 ค่ะ เช่น สะโพก 40 นิ้ว เอว ในสัดส่วนที่สวยงามจะอยู่ที่ 26นิ้วค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เสน่ห์กาย 9 ประการที่ผู้ชายต้องเหลียวหลัง

ฉันได้อ่ื่านหนังสือเรื่อง"ทำไม้ผู้หญิงชอบร้องไห้และผู้ชายตอแหล"เป็นหนังสือจิตวิทยาเกี่ยวความแตกต่างในมุมมองของชายกับหญิง ในนั้นเขายังบอกถึงเสน่ห์ทางกาย 9 อย่างที่ดึงดูดผู้ชาย ก็มี
1.หน้าผากเป็นโหนกนูนขึ้นมา
2.ตาโตคม
3.ปากอวบอิ่มหน้าจูบ
4.คอยาวเรียว
5.หน้าอกกลมกลึง
6.เอวคอด ความยาวรอบเอวเป็น60%ของความยาวรอบสะโพก
7.สะโพกผาย
8.ก้นงอน
9.ขาเรียวยาว ขาต้องยาวเป็น 60%ของความสูงทั้งหมดของเรา
แต่เท่าที่รู้ต่อให้เป็นยอดนางแบบก็มีไม่ครบ 9ข้อนี้หรอก
ตั้งแต่ข้อ1-9 หากมีไม่ครบก็ "ซ่อม"ได้
ข้อ1.2.3. แก้โดยเทคนิคการแต่งหน้า
ข้อ4.9.แก้โดยการแต่งตัว
ข้อ5.6.7.8.แก้โดยการบริหารร่ายกาย
"ไก่งานเพราะขน คนงามเพราะแต่ง"
แล้วจะกลับลงรายเอียดละเอียดในแต่ละข้ออีกครั้งนะจ๊ะ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คำสอนในวันแต่งงาน

วันนี้ฉันได้ไปร่วมงานแต่งงานของพี่ที่นั่งเล่นเชลโล่ข้างๆฉันในวงออเคสตร้า ลูกสาวของฉันไปช่วยเดินขบวนเจ้าสาว พิธีแต่งงานนี้จัดแบบคริสเตียน ในพิธีมีการสอนเรื่องการอยู่กันกันด้วยความยินดี ฉันจะประทับใจเนื้อความที่สอนตอนหนึ่งที่บอกว่า เราต้องรู้จักภาษารักของคู่ของเรา และรู้จักตอบสนองได้ตรงตามภาษานั้นด้วย
นั้นจะเป็นวิธีการเพิ่มพูนความรัก ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรัก ภาษารักนั้นมี 5 ภาษาด้วยกัน มีการทำบางสิ่งบางอย่างให้ ,การให้ของขวัญ,การใช้เวลาที่มีคุณค่า,การสัมผัส,การพูดถ้อยคำที่ชูจิตใจ เราต้องค้นหาว่าคู้่ของเราเขามีภาษารักแบบไหน แล้วตอบสนองให้ตรงกับภาษารัก เพื่อการแสดงความรักของเราจะไม่สูญเปล่า เขาสามารถสัมผัสได้ว่าเรารักเขา บางครั้งฝ่ายหนึ่งพยายามแสดงความรักมากมาย แต่อีกฝ่ายไม่เคยสัมผัสได้เลยว่าถูกรัก ฝ่ายที่แสดงความรักก็ท้อใจ บ่นว่าอีกฝ่ายเย็นชา ในขณะเดียวอีกฝ่ายก็เหงาเปล่าเปลี่ยวหัวใจเพราะไม่รู้้สึกถูกคู่ของตนรัก
นอกจากเราจะรู้ว่าภาษารักมีด้วยกัน 5 ภาษาแล้ว เรายังต้องรู้ว่าคู่ชีวิตของเราเขามีพูด(ให้)ภาษารักแบบใดใน5แบบ และเขาฟัง(รับ)ภาษารักแบบใดใน5แบบ
เช่น สามีพูด(ให้)ภาษารักแบบการสัมผัส ในขณะที่ภรรยาฟัง(รับ)ภาษารักแบบการทำบางสิ่งบางอย่างให้
เมื่อสามีแสดงออกความรักด้วยการหอมแก้มภรรยา ภรรยาจึงไม่รู้สึกว่าสามีรักตน
แต่เมื่อสามีช่วยล้างจาน ภรรยาถึงจะรู้สึกว่าสามีรัก
การจะรู้ได้ว่าคนคนหนึ่งพูดภาษารักเป็นแบบใดก็ดูได้จากการแสดงออกความรักของเขาต่อคนอื่น เช่นบางคนเมื่อเขายื่นมือเข้าไปช่วยทำสิ่งเล็กๆน้อยๆให้คนอื้นแล้วรู้สึกรักคนอื่นมากขึ้น นี่ก็แปลว่าเขาพูดภาษารักแบบการทำบางสิ่งบางอย่างให้ เดียวกันการจะรู้ว่าเราฟัง(รับ)ภาษารักแบบใดก็สังเกตจากการที่เรารู้สึกว่าถูกรักเมื่อมีคนมาแสดงความรักในแบบที่ตรงกับภาษารัก(ฟัง)ของเรา หากเรามีภาษารักแบบการพูดที่ให้กำลังใจ เมื่อมีคนมาพูดดีๆหรือพูดให้กำลังใจเราจะรู้สึกว่ามีคนมารักเรา
ฉันคิดว่าการรู้ภาษารักของคู่ชีวิตของเราจะช่วยเติมรักให้คู่ชีวิต ทำให้คู่ของเรานั้นยิ่งอยู่ด้วยกัน ก็ยิ่งรักกันมากขึ้น

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"อภัยเสมอ "เคล็ดลับความความสดใหม่ของชีวิตคู่ตลอดกาล

วันนี้ฉันได้รู้ว่าความสุขที่ได้มาเมื่อเราอภัยให้คนที่เรารักเป็นอย่างไร ฉันคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตคู่จะไม่มีการกระทบกระทั่งกัน สิ่งนี้ที่มันเกิดขึ้นได้ ก็เเหมือนลิ้นกับฟัน เราต้องเรียนรู้จักการอภัย ไม่อย่างนั้นเราอยู่กันไปนานความรักที่เคยหวานชื่นก็จะกลายเป็นจืดสนิท ใจของเราก็คงจะเจ็บช้ำเพราะเก็บกดความเคียดแค้นไว้ ไม่ยอมอภัยให้เขา อย่างที่เคยมีคนสอนว่า "จงระวังระไว รักษาใจของเจ้า เพราะชีวิตเริ่มต้นมาจากใจ "หากใจของเราช้ำ ชีวิตของเราช้ำ และลามไปถึงชีวิตคู่ก็จะช้ำด้วย
เราเคยมีความคิดโง่ๆว่า ถ้าเราอภัยให้เขาก็เท่ากับเราขาดทุน แพ้ เสียเปรียบ เราต้องเอาคืน ต้องคิดบัญชี แก้แค้นให้สาสมกับความเจ็บปวดที่เราเคยได้ีรับ โดยหารู้ไม่ระหว่างที่เรามีความคิดอย่างนี้นั้น มันได้บั่นทอนความสุขของครอบครัวไปตั้งมากมาย เราเสียเวลากับการแก้แค้นมามาก และไม่มีอะไรดีขึ้น ใจที่ยังเจ็บก็เจ็บอยู่อย่างนั้น ดูเหมือนว่าการแก้แค้นจะไม่เคยบรรเทาความเจ็บปวดในใจของเราได้เลย
พอเราได้เข้าใจเรื่องการให้อภัยที่กางเขนที่พระเยซูมาตายไถ่บาปของเรา การให้อภัยก็คือ ไม่เอาเรื่อง ไม่ถือโทษ และเชื่อว่าเขาจะกลับตัวกลับใจไม่ทำอย่างนั้นอีก
เมื่อเราซาบซึ้งกับสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเรา เราเองก็เคยทำผิดพลาดมาก่อน แต่พระเยซูก็อภัย ไม่ถือโทษ และให้โอกาสเราแก้ตัว แม้ว่าเราอาจจะทำพลาดอีก แต่ก็รักและอดทนนานกับเรา และเชื่อว่าเราจะเป็นคนดีได้เสมอมา
เราจึงตัดสินใจอภัยให้เขา ทำอย่างที่พระเยซูทำให้เรา แล้วความสุขเกินคำบรรยายก็ได้หลั่งเข้ามาในใจ เราได้รับการปลดปล่อย จิตใจของเรามีเสรีภาพ ไม่ต้องพันธนาการไปด้วยรู้สึกเคียดแค้นอีกต่อไป
เราจึงมีความสุขมากกับการใช้ชีวิตคู่กับเขา เป็นความสุขทีี่มาจากการตัดสินใจอภัยของเราเอง แม้ว่าเขาอาจเคยพลาดผิดและเราก็เจ็บชำ้ใจแต่เราก็เชื่อในส่วนดีของเขาเสมอ
เชื่อว่าเขาจะเป็นคนดี เชื่อว่าเขาจะไม่ทำพลาดอีก หากเขาพลาดอีก เราก็จะอภัย และพร้อมจะยืนเคียงข้างให้เขาก้าวข้ามสิ่งนั้นได้

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หน้าใสไร้สิว

หลายปีก่อนตอนที่ฉันย่างเข้าวัยรุ่น ฮอร์โมนกำลังพุ่งพล่านหน้าก็เลยมีสิวเต็ม ตอนนั้นฉันไปรับพี่ของฉันที่สนามบินด้วยหน้าสิวๆอย่างนั้น เขากลับมาจากไปเรียนป.โทที่ฝรั่งเศส เอาเกียรตินิยมกลัมมาฝากแม่ด้วย เขาจากไปนาน ฉันคิดถึงพี่มาก แต่เมื่อเราพบกัน ประโยคแรกที่พี่พูดกับฉันคือ "หน้าน้องมีสิว เดี๋ยวพี่จะสอนวิธีการดูแลหน้าให้" ทำเอาฉันอึ้งไปเลย
พี่สอนวิธีการดูแลหน้าให้ฉันเริ่มจากการล้างหน้า ต้องเลือกเจลเพราะไม่มันและไม่มีกากสบู่ตกค้าง ในขณะที่โฟมมีีความมันทำให้เกิดสิวได้ง่าย และสบู่ก็มีกากสบู่ทำเกิดสิวได้เช่นกัน หลังจากล้างหน้าต้องกระชับรูขุมขนด้วยโทนเนอร์ จากนั้นพี่สอนฉันลอกหน้า ฉันยังุจำบรรยากาศนั้นได้ที่ฉันรู้สึกแปลกๆตอนที่พี่ใช่ครีมของฝรั่งเศสที่พอกหน้าให้ มันใช้เวลาเพียง 5 นาทีก็ไปล้างออกได้เลย ไม่ต้องทิ้งข้ามคืน ไม่ต้องรอให้ครีมแพ็คตัวเป็นหน้ากากแล้วค่อยลอกออก พี่สอนฉันว่าต้องลอกหน้าอาทิตย์ละครั้ง เพื่อลอกสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่ที่รูขุมขนออกไปให้หมด สิ่งสกปรกเหล่านี้หากตกค้างในรูขุมขนมันจะแปลงรา่่งเป็นสิว! ยี้ !!
พี่บอกว่าให้ระวังอย่าเอามือจับหน้าเพราะมือเรามันจับมาสารพัด เอาเชื้อโรคมาไว้บนผิวหน้่าทำไม เดี๋ยวเป็นสิวนะ อีกอย่งที่พี่ห้ามคือ "ห้ามบีบสิวเสี้ยน" พี่วาดรูปภูเขาไฟ ที่มีลาวาอยู่ข้างใน และอธิบายวา่สิวก็เหมือนภูเขาไฟที่มีลาวา เมื่อเราบีบสิว ลาวา(สิว) ก็จะพุ่งออกไป ทิ้งไว้แต่ปล่อง(ผิวที่มีรูโบ๋) ดูน่าเกลียดมาก รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ติดตัวอย่างนั้นไปจนแก่เลย อยากบีบ หมั่นเี้ขี้ยวอย่างไรก็อดทนไว้ ท่องไว้ "เดี๋ยวผิวหน้าเป็นปล่องภูเขาไฟ"
เรื่องอาหารการกินก็ต้องดูแล ไม่กินมัน ไม่กินหวาน มันทำให้เป็นสิวได้ง่าย
ทุกวันนี้ฉันยังจำสิ่งที่พี่สอนฉันได้แม่นยำเพราะว่าต้องทบทวนสิ่งนี่เสมอในเวลาที่ตอบคำถามที่ถามว่าทำอย่างไรหน้าจึงใสเนียนไม่มีสิวเลย ฉันรู้สึกขอบคุณพี่ที่สอนฉันมาอย่างดี ขอบคุณมากค่ะ

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

นมยานแก้ได้

นับจากวันแรกที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะให้ลูกกินนมแม่ให้นานที่สุด เมื่อลูกคลอดออก ก็ให้เขากินนมแม่จนเขามีอายุได้ 2 ขวบ จึงปิด เพราะหมอไม่แนะนำให้ดื่มหลังจากนี้แล้ว ฉันดีใจที่ลูกเป็นเด็กแข็งแรงเพราะเขาดื่มยอดอาหารคือนมแม่ แต่พอก้มหน้ามองนมตัวเอง โอ๊ะ!! แม่เจ้า นี่มันถุงกาแฟหรือ !!นมยานหมดแล้ว!! เฮ้อทำไงดี ลูกปิดนมแล้วแต่ผัวยังไม่ปิดนี่สิ ฉันจึงตะเกียกตะกายหาวิธีให้นมกลับมาเป็นเหมือนตอนที่ยังไม่มีลูก ฉัันลองใช้ครีมทานมที่โฆษณาที่ว่าใช้แล้วอกฟู กระชับนมที่คล้อยยาน มันใช้ดีมาก ไม่กี่วันก็เห็นผลแล้ว นมกลับมามีรูปทรงสวยงาม อกฟู กระชับ แต่พอครีมหมดกระปุก นมก็กลับมายานเหมือนเดิม
ฉันยังไม่ลดละ ยังพยายามต่อไป บังเอิญไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ ในนั้นได้บอกวิธีกระชับหน้าอกไว้อย่างกระจ่าง ฉันจึงเริ่มทำตาม
ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆ ให้ตักนำ้้้เย็นราดนม 3ขัน โอ๊ย!!หนาวมากๆๆๆๆๆ ไม่เป็นไร เราต้องอดทนให้นมถกูกกระตุ้นด้วยนำ้เย็นจนชูชัน รวมตัวกันเป็นก้อนกลม จากนั้นทาครีมที่มีส่วนผสมของ Q-10 เริ่มทาจากบริเวณปีกหลัง โกยมาที่นม จากเอว หน้าท้องโกยเนื้อขึ้นมาที่นม ตรงนี้จะช่วยลดเอวได้ด้วย :) เพราะไขมันที่เอวขึ้นมากองที่นม โกยอย่างนี้ 500ครั้ง เช้าเย็น
ฉันทำอย่างนี้เพียงไม่กี่วัน นมก็เริ่มเป็นก้อนกลม กลมกว่าตอนเป็นสาวเสียอีก อกฟูสวย จนผัวเอ่ยปากชม :) ฉันปลื้มมาก ที่ฉันทำหน้าที่เมียได้ดี แม่้ว่าเราจะแต่งงานกัน มีลูกกันมาแล้ว แต่ฉันก็ยังต้องดูแลตัวเองเสมอ เพราะผู้ชายตกหลุมรักทางตา ตอนสาวเคยดูแลตัวเองอย่างไร ตอนนี้ก็ยังต้องทำอยู่ หรือบางงที่อาจต้องทำมากกว่าก่อน เพราะร่างกายของฉันผ่านการมีลูกมาแล้ว ฉันคิดว่าเมียที่ดูแลตัวเองอย่างดี จะช่วยดึงใจผัวไม่ไปมีเมียน้อย ,ชู้,กิ๊ก เราอาจเห็นกันบ่อยๆที่เมียน้อย,ชู้,กิ๊กมักดูสวยดูดีกว่าเมียที่บ้าน ฉันเชื่อว่าการดูและตัวเองจะเป็นจุดเร่ิิมสร้างบรรยากาศความรักให้เกิดขึ้นในครอบครัวด้วย ฉันจึงอยากเชิญผู้หญิงทุกคนที่เป็นเมียมาร่วมกันดูแลตัวเองให้ดูดีเสมอ เพื่อครอบครัวของเราค่ะ

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แรงบัลดาลใจ

เช้าวันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเตรียมตัวปั่นจักรยานขึ้นดอยสุเทพเพื่อเรือนร่างที่งดงาม ฉันตั้งใจทำสิ่งนี้เพื่อสามีของฉัน ดูท่าทางเขาจะปลื้มใจมากเป็นพิเศษ เขาเสนอไอเดียพร้อมกับรอยยิ้มว่า "ดาร์ลิง ตัวเองเป็นคนที่ดูแลตัวเองดี ใครๆก็มักจะมาขอคำปรึกษาเรื่องความงามกับตัวเองเสมอ ตัวเองลองทำโครงการ ผพผ.(ผอมเพื่อผัว)ไปเสนอ สสส.ดูไหม เค้าว่ามันดีนะ มันช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างผัวเมีย เมื่อผัวรู้ว่าเมียพยายามดูแลความงามเพื่อเขา เขาก็ปลื้มใจมากแล้ว ไม่กล้าคิดไปมีกิ๊กหรอก มันช่วยลดการหย่าร้างด้วย " ฉันปล่อยฮา 555 ++ แล้วเดินจูงจักรยานเสือภูเขาคู่ใจออกมาที่ถนนหน้าบ้านและปั่นขึ้นดอยสุเทพ ระหว่างปั่นจักรยานขึ้นดอยสุเทพ ฉันคิดเรื่องนี้ตลอด มันคงจะดี หากฉันทำโครงการนี้สำเร็จ เพราะมันช่วยไม่ให้เกิดการหย่าร้างได้ ฉันเองได้เห็นครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกกันได้แค่ 8 ปี จากนั้นก็อยู่กับแม่มาตามลำพัง ฉันทนทุกข์ทรมานจากการหย่าของพ่อแม่ของฉัน มันเจ็บปวดร้าวลึก บางครั้งฉันแอบอิจฉาครอบครัวอื่นที่เขาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา สิ่งนี้ได้เป็นแรงผลักดันให้ฉันเกิดความตั้งใจว่าหากวันหนึ่งฉันได้แต่งงาน ฉันจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นให้ได้
ในตอนนี้แม้ว่าฉันอยากทำโครงนี้ แต่ฉันยังไม่พร้อมอีกหลายด้าน สิ่งที่ฉันทำได้คือแบ่งปันเรื่องราวของฉันผ่านบล็อก อืม ฉันคิดว่า การทำครอบครัวให้อบอุ่นมันยังมีอีกหลายเรื่องนอกจากการดูแลความงาม ฉันก็จะนำมาแบ่่งปันด้วย หวังว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่เป็นเมียเช่นกัน
"ใครจะพบภรรยาที่ดี เธอประเสริฐกว่าทับทิมมากนัก จิตใจของสามีก็วางใจในเธอ เธอจะทำความดีให้เขา และจะไม่ทำความร้ายตลอดชีวิตของเธอ" สุภาษิต